ดินแดนสุดขอบทวีปเอเชีย สวรรค์สำหรับคนที่รักการเดินทางในฟีลแบบยุโรป ทัวร์จอร์เจีย แต่ราคาติดดินแบบไม่ต้องปวดใจ
บรรยากาศแบบยุโรปผสมกับโซเวียตเต็มไปด้วยที่เที่ยวธรรมชาติทั้งป่า แม่น้ำ ภูเขา ที่สำคัญคือคนไทยยังไปฟรี ! เพราะไม่ต้องขอวีซ่า อยู่ได้ถึง 365 วันเลย ค่าครองชีพก็ถูกเหมือนอยู่บ้านเราอีกต่างหาก
ก่อนอื่นแอดมินขอเล่าให้ฟังก่อนว่าการไป ที่เที่ยวจอร์เจีย หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐจอร์เจีย นั้นตั้งอยู่ในทวีปเอเชีย ทิศตะวันตกติดชายฝั่งทะเลดำ ทางใต้ติดกับประเทศตุรกี อาร์มีเนีย ทิศตะวันออกจรดพรมแดนอาเซอร์ไบจาน ส่วนทางเหนือจะติดกับรัสเซีย โดยมีเทือกเขาคอเคซัสเป็นตัวแบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรป และทวีปเอเชียด้วยกัน (ในอดีตจอร์เจียเคยเป็นสาธารณรัฐหนึ่งของสหภาพโซเวียตด้วย) เป็นดินแดนแห่งเทือกเขาคอเคซัส เป็นอีกหนึ่งประเทศที่อยากให้ลองไปสัมผัสกัน ด้วยบรรยากาศ และเต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมที่มีการผสมผสานระหว่างสองทวีปไว้ได้อย่างลงตัว แถมการไปเที่ยวก็เป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องขอวีซ่า แค่มีพาสปอร์ตและงบพร้อมก็พร้อมบินได้เลย
นอกจากก่อนไป ทัวร์จอร์เจีย เพื่อนๆทุกคนต้องทราบก่อนว่า อยากไปช่วงฤดูไหน แอดมินจึงนำข้อมูลมาฝากคะ
- ฤดูใบไม้ผลิ จะอยู่ราว ๆ เดือนมีนาคม-พฤษภาคม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 10-24 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่เที่ยวได้สบายที่สุด ต้นไม้ใบหญ้าจะออกสีเขียวๆ หน่อย ใส่เสื้อกันหนาวธรรมดาก็อยู่ได้
- ฤดูร้อน จะอยู่ช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 16-31 องศาเซลเซียส แดดแรงๆ แน่นอน ใครขี้หนาวมาช่วงนี้แทนได้
- ฤดูใบไม้ร่วง อยู่ระหว่างเดือนกันยายน-พฤศจิกายน อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ 4-20 องศาเซลเซียส ช่วงนี้จะมีใบไม่เปลี่ยนสีให้ดูด้วย สวยงามมาก แต่ถ้าเที่ยวบนเขาลมแรงๆ จะหนาวมาก
- ฤดูหนาว อยู่ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ อุณหภูมิเฉลี่ยอยู่ที่ -3 ถึง 8 องศาเซลเซียส ช่วงนี้จะมีหิมะตก ใครชอบสีขาวโพลนให้มาได้ แต่ถ้าขึ้นเขาอาจหนาวสั่นถึงกระดูก ควรเตรียมร่างกาย และเสื้อผ้าให้พร้อม
เมืองแรก เมืองทบิลิซี (TBILISI)
เป็นเมืองหลวงที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์แบบเมืองเก่าไว้ได้เป็นอย่างดี ทั้งสีสันต่างๆ อาคารบ้านเรือนที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมของแต่ละยุค ที่สำคัญคือรายล้อมด้วยภูเขาสูงใหญ่สุดลูกหูลูกตาและที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของ ทะเลสาบทบิลิซี (Tbilisi Sea) ทะเลสาบเทียมที่รายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ของป่าไม้ และเทือกเขาอีกด้วยค่ะ
เมืองมิทสเคต้า (Mtskheta)
อดีตเมืองหลวงในช่วงศตวรรษที่ 5 ของจอร์เจีย เป็นเมืองเล็กๆ ที่มีภูมิประเทศอันสวยงาม อาคารบ้านเรือนยังคงความเป็นยุคกลางเหมือนเดิม รายล้อมไปด้วยไร่องุ่นสายพันธุ์สำหรับทำไวน์จอร์เจีย “Khvanchkara” เป็นราชินีที่แท้จริงของไวน์ธรรมชาติและกึ่งหวาน ไวน์นี้ถือได้ว่าเป็นคุณธรรมของผู้ผลิตไวน์จอร์เจีย ไวน์ที่เป็นผู้นำในการแข่งขันชิมไวน์ระดับนานาชาติหลายครั้ง สีที่น่าหลงใหลชวนให้นึกถึงทับทิมเชอร์รี่โปร่งใสด้วยกลิ่นหอม ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเมืองนี้
เมืองบนเทือกเขา
คาซเบกิ (KAZBEGI ) หรือ (STEPANTSMINDA)
เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในจังหวัด มิทสเคต้า (MTSKHETA – MTIANETI) ตั้งอยู่บน ภูเขาคาสเบก (kazbek) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาคอเคซัส อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของจอร์เจีย มีความสูงกว่า 2,170 เมตร เมืองนี้เป็นมืองที่นักท่องเที่ยวได้ให้ฉายาว่า ดินแดนแห่งสวรรค์ เพราะว่าเป็นเมืองที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมาก การเดินทางมาที่นี่ต้องนั่งรถโฟล์วีลขึ้นมา เพื่อเข้าชมจุดไฮไลท์ของโปรแกรมนั้นเอง ภาพที่เห็นที่สัมผัส ราวกับได้ขึ้นสวรรค์ วิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่น่าสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอด มีทุ่งหญ้าที่ทอดยาวไปไกลสุดลูกหูลูกตา และนอกจากนี้ วิวพระอาทิตย์ที่นี้ยังสวยงามไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วย ฟินไปอีกกก แอดมินอยากจะบอกว่าสักครั้งในชีวิตต้องแวะมาเห็นด้วยตาให้ได้เลยจ้าทุกคน
โบสถ์เกอร์เกติ (GERGETI TRIINITY CHURCH)
โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บน Kazbegi Mount มีความเก่าแก่และโบราณแถมมีชื่อเสียง ถ้าไม่มาเช็กอินเป็นอันว่ามาไม่ถึงจอร์เจีย ภายในโบสถ์ผู้คนประกอบพิธีกรรมดูมุ่งมั่น การมาที่โบสถ์บอกเลยว่าวิวสวยเหมาะกับการถ่ายภาพสวยๆแน่นอนค่ะ
เทือกเขาคอซัส (CAUCASUS)
สำหรับการมาทัวร์จอร์เจีย ได้เห็นเทือกเขาสูงขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปยุโรป โดยมียอดเขาเอลบรูสที่มีความสูงกว่า 5,642 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ได้ชื่อว่าเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปยุโรป สูงกว่ายอดเขามองบลังค์แห่งเทือกเขาแอลป์ในประเทศฝรั่งเศส เทือกเขาคอเคซัสแห่งนี้ยังทำหน้าที่เป็นปราการธรรมชาติแบ่งพรมแดนระหว่างทวีปยุโรปและทวีปเอเชียให้ปรากฎเด่นชัดในสังคมโลก จนทำให้เกิดปรากฏการณ์กลุ่มประเทศสองทวีปขึ้นมาบนโลกใบนี้ภายใต้ร่มเงาของเทือกเขาคอเคซัส ได้แก่ ประเทศมหาอำนาจอย่างรัสเซีย จอร์เจีย อาร์เมเนีย และอาเซอร์ไบจาน
หมู่บ้านจูทา (Juta)
หมู่บ้านเล็ก ๆ กลางหุบเขาในเทือกเขาคอเคซัส ที่ใครๆ หลายคนยกให้มีความงามเทียบเท่าสวิสเลยทีเดียว ด้วยความที่มีวิวทุ่งหญ้าเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ฉากหลังเป็นยอดเขาสูงใหญ่อลังการมีหิมะปกคลุมตลอดทั้งปี จึงทำให้ที่นี่เป็นจุดเดินเขายอดนิยมของนักผจญภัย มีที่พักทั้งแบบกางเต็นท์ และแบบพักเกสต์เฮาต์เป็นกระท่อมหลังเล็ก ๆ กลางหุบเขาด้วย
เมืองถ้ำอุพลิสชิเค่ (Uplistsikhe)
หนึ่งในเมืองถ้ำเก่าแก่ของจอร์เจีย สมบัติทางประวัติศาสตร์แห่ง การมาทัวร์จอร์เจีย 2567 คุณต้องหลงรักมีการตั้งถิ่นฐานกันมานานแล้วกว่า 3000 ปี มีศาสนสถานที่มีห้องโถงขนาดใหญ่ที่ชาวเพเก้น (Pagan) ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม ซึ่งเป็นลัทธิบูชาไฟ และยังมีห้องต่างๆ ซึ่งคาดว่าเป็นโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9 ค่ะ
เมืองริมทะเลดำ
บาทูมิ (Batumi)
หากใครได้แวะมาเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจอร์เจีย อยู่ริมชายฝั่งทะเลดำบริเวณเชิงเขาคอเคซัส ที่ภายในเมืองจะมีการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมดั้งเดิม และสมัยใหม่ไว้อย่างลงตัว ใครชอบมาจอร์เจียจะต้องได้ที่เที่ยวเอนเตอร์เทนเมนต์เยอะๆ
อนุสรณ์สถานรัสเซีย-จอร์เจีย (Russia–Georgia Friendship Monument)
เป็นอนุสรณ์หินคอนกรีตทรงกลมขนาดใหญ่ สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1983 เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปี ของสนธิสัญญา Georgievsk ด้านในอนุสรณ์มีการตกแต่งด้วยกระเบื้องโมเสกเป็นภาพขนาดใหญ่ที่บอกเล่าประวัติศาสตร์ของชาวรัสเซียและจอร์เจีย ถือเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวยอดนิยม เนื่องจากตั้งอยู่บนจุดที่สามารถมองเห็นวิวเขาสวยๆ ที่รวมถึงหุบเขาปีศาจ (Devil’s Valley) ได้อีกด้วยเป็นอีกแลนด์มาร์กที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเยือนอีกด้วย
และนี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่แอดมินนำมาฝาก ทุกท่านค่ะหากท่านใดกำลังมองทัวร์จอร์เจีย ลดราคพิเศษ สามารถดูรายละเอียดได้เลยค่ะ
________________________________________________________________________________
เรายินดีให้บริการท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพ บริการ จัดกรุ๊ปทัวร์ การันตีความประทับใจ ด้วยประสบการณ์มากกว่า 15 ปี ติดตามโปรไฟไหม้ จาก ไลอ้อนทราเวล อัพเดททุกวันได้ที่นี่